สำนักงานสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา (USPTO) ได้อนุมัติการจดสิทธิบัตรให้กับบริษัทมาสเตอร์การ์ดผู้ให้บริการทางการเงินเพื่อใช้วิธีลดระยะเวลาให้กับการประมวลผลธุรกรรมของสกุลเงินดิจิตอลผ่านทางบัตรเครดิต วิธีนี้ขึ้นอยู่กับการจัดเก็บทั้งเงินเฟียต และสกุลเงินดิจิตอลในหนึ่งโปรไฟล์ นั่นหมายความว่าผู้ใช้งานจะต้องเชื่อมโยงบัญชีธนาคารสองบัญชีเข้าด้วยกัน: บัญชีแรกเป็นบัญชีสำหรับ – เงินปกติทั่วไป และบัญชีที่สองเป็นบัญชี –สำหรับสกุลเงินดิจิตอล
สิทธิบัตร ระบุว่าลูกค้าเลือกใช้สกุลเงินดิจิตอลเพิ่มมากขึ้น แทนการใช้เงินเฟียต เพราะไม่ต้องระบุตัวตน นอกจากนี้ผู้บริโภคใช้สกุลเงินดิจิตอลเพื่อหลีกเลี่ยงการฉ้อโกง อย่างไรก็ตาม มาสเตอร์การ์ดยังอ้างว่า สกุลเงินดิจิตอลนั้นยังไม่มีความปลอดภัย อีกทั้งวิธีการชำระเงินแบบปกติด้วยเงินเฟียตสามารถกระทำได้ภายในไม่กี่นาทีในขณะที่การทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดิจิตอลอาจใช้เวลาถึง 10 นาที การรวมกันของเงินทั้งสองอย่างนี้จะช่วยให้ลดระยะเวลาของการประมวลผลธุรกรรม และในเวลาเดียวกันยังคงรักษาข้อดีของการกระจายอำนาจไว้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มาสเตอร์การ์ดจะรวมเอาสองระบบนี้เข้าด้วยกันได้อย่างไร อีกทั้งไม่มีการกล่าวว่า จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในด้านนี้หรือไม่ ในอีเมลที่ส่งถึง CNBC นาย Seth Eisen และประธานอาวุโสฝ่ายการสื่อสารของมาสเตอร์การ์ด ได้เขียนเอาไว้ว่า:
"เรากำลังมองหาวิธีที่จะนำเอาความคิดใหม่ ๆ และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาสู่ตลาดเพื่อสร้างมูลค่าให้กับเรา ลูกค้าของเรา และผู้ถือบัตรของเรา การยื่นจดสิทธิบัตรเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนดังกล่าวเพื่อก้าวเข้าสู่การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท ไม่ว่าความคิดนั้นจะเคยนำออกมาใช้ในตลาดแล้วก็ตาม"
หากมาสเตอร์การ์ดได้รับการอนุมัติสิทธิบัตรจากหน่วยงานผู้มีอำนาจก็มีแนวโน้มว่าผู้ใช้งานจะสามารถชำระการซื้อสินค้า และบริการได้ด้วยสกุลเงินดิจิตอลได้ในเร็ว ๆ นี้ ขณะนี้บัตรเครดิตสามารถใช้ชำระสินค้า และบริการได้ด้วยเงินเสมือนเท่านั้น
, 20/7/2561
บทความนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล และไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำเพื่อการลงทุน และ/หรือ เสนอ และ/หรือ ขอดำเนินการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง และ/หรือรับประกัน และ/หรือคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต
เปิดบัญชี