ทำไมต้องซื้อขายดัชนีกับ JustMarkets?
ตั้งแต่ NASDAQ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีไปจนถึง S&P ที่ครบวงจร JustMarkets มอบความได้เปรียบให้กับคุณในตลาดดัชนีระดับโลกที่มีการแข่งขันสูง เรารับรองว่าคุณจะพร้อมที่ประสบกับความสำเร็จชุดเครื่องมือดัชนีที่หลากหลาย
ด้วย JustMarkets คุณสามารถสำรวจดัชนีที่หลากหลายจากทั่วโลกได้ เช่น Dow Jones, NASDAQ, FTSE100 หรือ NIKKEI เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ
ค่าสเปรดต่ำ และมั่นคง
ซื้อขายดัชนี Dow Jones, S&P 500 หรือ NASDAQ ด้วยค่าสเปรดที่แคบเป็นพิเศษโดยเริ่มต้นต่ำได้อยู่ 0.0 pip รับประกันความเสถียรแม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
ดำเนินการตามคำสั่งซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว
ที่ JustMarkets คุณสามารถทำการซื้อขายของคุณได้แทบจะในทันที เพียงเสี้ยววินาที เรารับรองว่าการซื้อขายของคุณจะได้รับการดำเนินการซึ่งทำให้คุณทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว และอย่างมีประสิทธิภาพ
การถอนเงินทันที
รับเงินของคุณอย่างรวดเร็วเมื่อคุณต้องการถอนเงินออก เลือกช่องทางในการชำระเงินที่หลากหลาย และได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วจากคำขอถอนเงินของคุณ
การซื้อขายที่ไม่มีค่าสวอป
นักเทรดทุกคนที่ JustMarkets สามารถเข้าถึงการซื้อขายที่ไม่มีสวอปโดยไม่มีข้อกำหนดเพิ่มเติม ทำให้สามารถถือตำแหน่งซื้อขายได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การป้องกันช่องว่าง
ซื้อขายได้โดยไม่ต้องกังวลด้วยการป้องกันช่องว่างของเรา ช่วยป้องกันสลิปเพจ ดังนั้นการซื้อขายของคุณจึงเริ่มต้น และสิ้นสุดในจุดที่คุณคาดหวัง โดยไม่พลาดการเปลี่ยนแปลงราคาแม้แต่เล็กน้อย
ค่าสเปรด และค่าสวอปของตลาดดัชนี
ค่าสเปรดเฉลี่ย
pips
ค่าคอมมิชชั่น
ต่อล็อต/ด้าน
เงินประกัน
1:3000
ค่าสวอปของการซื้อ
จุด
ค่าสวอปของการขาย
จุด
ระดับหยุด*
pips
Standard
Indices
สภาวะของตลาดดัชนี
คุณสามารถลงลึกสู่เครือข่ายอันกว้างขวางของตลาดโลก ซึ่งครอบคลุมดัชนีหุ้นจำนวนมาก ตั้งแต่กลุ่มบริษัทข้ามชาติไปจนถึงบริษัทขนาดเล็กที่มีความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้ด้วย JustMarkets แพลตฟอร์มของเราช่วยให้คุณสามารถติดตามเทรนด์ของตลาด และใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในดัชนีต่าง ๆ ได้
ชั่วโมงเปิดทำการซื้อขาย
ตราสาร | เปิด | ปิด |
AU200, DE40, EU50, FR40, HK50, JP225, UK100, US100, US30, US500, CHA50 | วันจันทร์ เวลา 01:02 น. เวลาพักทุกวัน ในช่วงเวลา 23:59 – 01:02 น. |
วันศุกร์ เวลา 23:59 น. |
ES35 | วันจันทร์ 09:02 พักทุกวัน 20:59 – 09:02 น |
วันศุกร์ 20:59 น |
เวลาทั้งหมดเป็นเวลาเซิร์ฟเวอร์ (GMT+3)
ค่าสเปรด
ค่าสเปรดในตลาดดัชนีมักจะลอยตัว ค่าสเปรดที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นค่าเฉลี่ยจากวันที่ทำการซื้อขายไปแล้วก่อนหน้านี้ ตรวจสอบแพลตฟอร์มของเราเพื่อดูค่าสเปรดในขณะนี้
ค่าสเปรดอาจเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งรวมถึงช่วงเวลาต่าง ๆ เช่น การพักในแต่ละวัน และอาจดำเนินต่อไปจนกว่าสภาวะปกติจะกลับมาอีกครั้ง
รับประกันค่าสเปรดที่ดีที่สุดของเราในบัญชี Raw Spread ของเราซึ่งมีค่าสเปรดเริ่มต้นอยู่ที่ 0.0 pip
การซื้อขายที่ไม่มีค่าสวอป
ค่าสวอป (Swap) คือค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากตำแหน่งของการซื้อขายที่ยังคงเปิดข้ามคืน อัตราของค่าสวอปจะแตกต่างกันไปตามคู่การซื้อขายต่าง ๆ ค่าสวอปจะเริ่มคำนวณเวลา 22:00 น. GMT+3 ในแต่ละวัน ไม่รวมวันหยุดสุดสัปดาห์จนกว่าจะทำการปิดตำแหน่ง สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ ค่าสวอปในวันพุธจะเพิ่มขึ้นสามเท่าเพื่อชดเชยต้นทุนเงินทุนในช่วงสุดสัปดาห์
คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินสำหรับตราสารที่มีเครื่องหมาย “ไม่มี Swap แบบขยายเวลา” ในตารางด้านบน หากคุณมีตำแหน่งที่ไม่มีค่าสวอป
บัญชีลูกค้าทั้งหมดจากประเทศใดก็ตามจะได้รับตำแหน่งที่ไม่มีสวอปโดยอัตโนมัติ
ระดับหยุด
โปรดทราบว่าค่าตัวเลขของระดับหยุดที่ระบุในตารางด้านบนเป็นตัวแปร และนักเทรดที่ใช้ที่ใช้กลยุทธ์ความถี่สูงตามที่กำหนดไว้ หรือใช้ที่โปรแกรมช่วยทำการซื้อขายอัตโนมัติอาจไม่สามารถใช้งานได้
ข้อกำหนดของมาร์จิ้นในอัตราคงที่
สำหรับดัชนีการซื้อขาย เลเวอเรจจะคงที่อยู่ที่ 1:500 สำหรับ US30, US500 และ US100 ในขณะที่ดัชนีอื่น ๆ ทั้งหมดจะยังถูกกำหนดคงที่ไว้อยู่ที่ 1:200
ข้อกำหนดด้านมาร์จิ้นรายวันสำหรับดัชนีทั้งหมดจะแตกต่างกันไปตามดัชนีที่กำหนด รายการที่ครอบคลุมข้อกำหนดด้านมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นสำหรับดัชนีมีอยู่ที่นี่ที่นี่.
คำถามที่พบบ่อย
คำว่า “indices” เป็นรูปแบบพหูพจน์ของคำว่า “index” ในด้านการเงิน ดัชนีหมายถึงการวัดทางสถิติ หรือตัวบ่งชี้ที่แสดงถึงผลการดำเนินงานของภาคส่วน หรือส่วนเฉพาะของตลาดหุ้น ดัชนีถูกเรียกเช่นนั้นเนื่องจากบ่งชี้ หรือวัดความเคลื่อนไหวของราคาโดยรวมของกลุ่มหุ้น
ตัวอย่างของดัชนีหุ้นที่รู้จักกันดี ได้แก่ Dow Jones Industrial Average (DJIA), Standard & Poor’s 500 (S&P 500) และ Nasdaq Composite ในสหรัฐอเมริกา ในระดับสากล มีดัชนีต่าง ๆ เช่น FTSE 100 ในสหราชอาณาจักร DAX ในเยอรมนี และ Nikkei 225 ในญี่ปุ่น
ดัชนีที่ใหญ่ที่สุดสามดัชนีในแง่ของการยอมรับอย่างกว้างขวาง และใช้เป็นดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ คือ S&P 500 ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ 30 แห่ง; และ Nasdaq Composite ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการรวมหุ้นเทคโนโลยีจำนวนมาก
การซื้อขายอนุพันธ์ของดัชนีหุ้น เช่น ตลาดซื้อขายล่วงหน้า และออปชั่นมีประโยชน์เช่น เลเวอเรจ ซึ่งช่วยให้เปิดความเสี่ยงได้มากขึ้นโดยใช้เงินทุนน้อยลง นอกจากนี้ยังให้ความยืดหยุ่นในการดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ รวมถึงการป้องกันความเสี่ยง ตราสารอนุพันธ์สามารถซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้น และให้ความสามารถในการทำกำไรจากตลาดได้ทั้งขาขึ้น และขาลงซึ่งแตกต่างจากการลงทุนโดยตรงในดัชนี
เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายดัชนีโดยทั่วไปจะสอดคล้องกับชั่วโมงการซื้อขายของหุ้นอ้างอิง สำหรับดัชนีหลัก ๆ เช่น S&P 500 หรือ DJIA เวลาซื้อขายสูงสุดคือในช่วงเวลาซื้อขายปกติของตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะชั่วโมงแรก และชั่วโมงสุดท้ายของวันซื้อขายซึ่งมีปริมาณ และความผันผวนสูงขึ้น
ตัวชี้วัดทางเทคนิคยอดนิยมบนกราฟดัชนี ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำหรับการระบุเทรนด์ Relative Strength Index (RSI) สำหรับการประเมินสภาวะการซื้อ หรือขายมากเกินไป Bollinger Bands สำหรับการวิเคราะห์ความผันผวน และ Moving Average Convergence Divergence (MACD) สำหรับการระบุศักยภาพของสัญญาณซื้อ และขาย