ริชาร์ด วิคคอฟ เป็นนักเทรด และนักวิเคราะห์ตลาดที่มีชื่อเสียง เป็นผู้พัฒนาวิธีการซื้อขายที่เรียกว่า “Wyckoff Method” หรือ “Wyckoff Logic” แนวทางนี้มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจความตั้งใจของผู้เข้าร่วมในตลาด และใช้ข้อมูลนั้นในการตัดสินใจซื้อขายจากการมีข้อมูลครบถ้วน
วิธีของ วิคคอฟ (Wyckoff) มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่ากิจกรรมของ “เงินอัจฉริยะ” (นักเทรดมืออาชีพ สถาบัน และคนในวงการตลาด) ทิ้งร่องรอยของกราฟราคา และปริมาณไว้อย่างชัดเจน วิธีการนี้เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลราคา และปริมาณเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ และอุปทานของตลาด และระบุระยะของการสะสม และการกระจายที่อาจเกิดขึ้น
การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดตามกราฟ Wyckoff นั้นมีหลายระยะ:
- โซนของการสะสมสินทรัพย์ (การสะสม)
- ระยะที่อุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน – นี่คือเทรนด์ขาขึ้น
- โซนของการกระจายสินทรัพย์ (การกระจาย)
- ระยะที่อุปทานเกินอุปสงค์ – มันคือ เทรนด์ขาลง
ต่อไปนี้เป็นหลักการ และแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับารคิดอย่างสมเหตุสมผลของ ริชาร์ด วิคคอฟ!:
ระยะของวิคคอฟ
วิคคอฟได้ระบุสี่ระยะที่เกิดขึ้นภายในช่วงของการสะสม และการกระจาย: (ก.) ระยะราคาสูงขึ้น (หรือเทรนด์ขาขึ้น) (ข.) ระยะของการกระจาย (หรือเทรนด์ขาลง) (ค.) ระยะของการสะสม และ (ง.) ระยะของการสะสมใหม่ การทำความเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้ และคุณลักษณะสามารถช่วยทำให้นักเทรดสามารถระบุโอกาสในการซื้อขายที่อาจเกิดขึ้นได้
ความพยายามเปรียบเทียบกับผลลัพธ์
วิคคอฟได้เน้นไปที่การวิเคราะห์ปริมาณ และราคา เขาเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างความพยายาม (ปริมาณ) และผลลัพธ์ (การเคลื่อนไหวของราคา) สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเทรนด์ หรือการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น หากปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระหว่างที่ราคาขยับขึ้น ก็แสดงว่ามีความสนใจในการซื้อที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่เทรนด์จะดำเนินต่อไป การลดลงของปริมาณที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ถึงความสนใจของผู้ซื้อที่ลดลง
Wyckoff’s laws
Wyckoff identified a set of laws that govern the market. These laws include the Law of Supply and Demand, the Law of Cause and Effect, and the Law of Effort versus Result. Understanding and applying these laws can help traders anticipate potential market movements.
กฎของวิคคอฟ
ระบุชุดของกฎที่ทำหน้าที่ควบคุมตลาด กฎเหล่านี้ประกอบด้วยกฎแห่งอุปสงค์ และอุปทาน กฎแห่งสาเหตุ และผลกระทบ รวมถึงกฎแห่งความพยายามเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ การทำความเข้าใจ และการใช้กฎเหล่านี้สามารถช่วยทำให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
การวิเคราะห์ราคา และปริมาณ
วิคคอฟได้เน้นไปที่การวิเคราะห์รูปแบบราคา และปริมาณเพื่อระบุจุดเปลี่ยนของตลาดที่อาจเกิดขึ้น เขาเชื่อว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างแนวโน้มราคา และปริมาณสามารถเปิดเผยความตั้งใจของเงินที่ชาญฉลาดได้ ตัวอย่างเช่น ปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ราคาลดลงอาจบ่งบอกถึงแรงกดดันในการขาย และการกลับตัวของเทรนด์ที่อาจเกิดขึ้นได้
สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ แม้ว่าวิธีของวิคคอฟจะมอบข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด เช่นเดียวกับวิธีการซื้อขายอื่น ๆ แต่วิธีของวิคคอฟยังคงจะต้องอาศัยการฝึกฝน ประสบการณ์ และความมีระเบียบวินัยจึงจะสามารถนำวิธีนี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเทรดมักจะรวมวิธีของวิคคอฟเข้ากับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เพื่อสร้างกลยุทธ์การซื้อขายให้ครอบคลุม
เป็นที่น่าสังเกตว่า วิคคอฟถือเป็นบิดาของวิธี VSA (การวิเคราะห์ค่าสเปรดของปริมาณ) วิธี VSA ได้รับการพัฒนาให้สมบูรณ์แบบในเวลาต่อมาโดย ทอม วิลเลี่ยม (Tom Williams) ซึ่งเป็นอดีตผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดหุ้นในทศวรรษ 1960 และ 1970 โดยมีการพัฒนาความสำคัญของส่วนต่างราคาที่สัมพันธ์กับปริมาณ และราคา