การเรียนรู้

ก.ค. 4

1 นาทีที่อ่าน

ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สิ่งที่นักเทรดต้องทราบ

ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สิ่งที่นักเทรดต้องทราบ

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) คือมูลค่ารวมที่เป็นตัวเงิน หรือมูลค่าตลาดของสินค้า และบริการสำเร็จรูปทั้งหมดที่ผลิตภายในประเทศในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นการวัดผลโดยรวมของการผลิตภายในประเทศทั้งหมด โดยดัชนีนี้เป็นดัชนีชี้วัดที่ครอบคลุมข้อมูลของสุขภาพทางเศรษฐกิจในประเทศ

GDP เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถเป็นแนวทางให้กับผู้กำหนดนโยบาย นักลงทุน และธุรกิจต่าง ๆ ในขณะที่กำลังทำการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ การคำนวณ GDP ของประเทศนั้นครอบคลุมไปถึงข้อมูลการบริโภคของภาครัฐ และเอกชนทั้งหมด และการใช้จ่ายของรัฐบาล การลงทุน การเพิ่มสินค้าคงเหลือของเอกชน ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่ชำระแล้ว และดุลการค้าต่างประเทศ (การส่งออกจะเพิ่มมูลค่า แต่การนำเข้าออกจะลดมูลค่า) ข้อมูล GDP มักถูกเผยแพร่ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์จากกรมสถิติแห่งชาติของประเทศ ประเทศส่วนใหญ่เผยแพร่ข้อมูล GDP ทุกเดือน และทุกไตรมาส

GDP สามารถคำนวณได้ทั้งจากข้อมูลที่เป็นตัวเงิน และข้อมูลจริงโดยการคำนวณในรูปแบบหลังจะคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อด้วย แต่ข้อมูล GDP ที่แท้จริงถูกนำมาใช้ในการคำนวณบ่อยครั้งเนื่องจากเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ สถาบันของรัฐบาล เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ ใช้อัตราการเติบโต และสถิติ GDP อื่น ๆ มาใช้ตัดสินใจในการกำหนดประเภทของนโยบายการเงิน

GDP ของประเทศจะเพิ่มขึ้นเมื่อใด และลดลงเมื่อใด?

ในบรรดาองค์ประกอบทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็น GDP ของประเทศ สิ่งสำคัญคือต้องจับตาดูดุลการค้าต่างประเทศ หากมูลค่ารวมของสินค้า และบริการที่ผู้ผลิตในประเทศขายให้กับต่างประเทศเกินกว่ามูลค่ารวมของสินค้า และบริการจากต่างประเทศที่ผู้บริโภคในประเทศซื้อ แสดงว่ามีการเกินดุลการค้า ในสถานการณ์เช่นนี้ GDP ของประเทศมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น

หากเกิดสถานการณ์ในทางตรงกันข้าม – หากจำนวนเงินที่ผู้บริโภคในประเทศใช้จ่ายไปกับสินค้าต่างประเทศเกินจำนวนทั้งหมดที่ผู้ผลิตในประเทศสามารถขายให้กับผู้บริโภคต่างประเทศได้ – นี่เรียกว่าการขาดดุลการค้า ในสถานการณ์เช่นนี้ GDP ของประเทศมีแนวโน้มที่จะลดลง

จะอ่านข้อมูล GDP ได้อย่างไร?

ข้อมูล GDP ควรได้รับการประเมินเป็นสองระดับ ระดับแรก คือ การประมาณการความเคลื่อนไหวของ GDP เปรียบเทียบกันแบบเดือนต่อเดือน และไตรมาสต่อไตรมาส ระดับที่สอง คือ การเปรียบเทียบมูลค่าจริงกับค่าที่คาดการณ์ไว้

โดยทั่วไป หากอัตราการเติบโตชะลอตัว ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ สามารถใช้นโยบายการเงินบริจาคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หากอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางสามารถใช้นโยบายการเงินเชิงรุกเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ (ซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับหลายประเทศในขณะนี้)

หากมูลค่าที่แท้จริงดีกว่าที่คาดไว้ ก็มักจะเป็นผลผลดีต่อตลาดหุ้น และสกุลเงินของประเทศ ในทางกลับกัน หากค่าจริงแย่กว่าที่คาดไว้ จะส่งผลเสียต่อตลาดหุ้น และสกุลเงินของประเทศ

เราลองดูตัวอย่างที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนกัน รายงาน GDP ของเดือนนี้ได้ถูกเผยแพร่ในสหราชอาณาจักรเมื่อวันอังคาร (13 กรกฎาคม) ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรขยายตัวขึ้น 0.5% ในเดือนที่แล้ว การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ลดลง 0.2% ข้อมูลแรก คือ การเติบโตของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ได้คาบเกี่ยวกันกับการลดลงในช่วงสามเดือนก่อนหน้า ข้อมูลที่สอง – ข้อมูลจริงดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ราคา GBP/USD มีผลต่อการเติบโตในขณะที่กำลังทำการเผยแพร่ข่าว แน่นอนว่าข่าวมักถูกบิดเบือน แต่ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แท้จริงมักจะแสดงทิศทางที่แท้จริงของเครื่องมือทางการเงินในระยะกลาง