เนื่องจากลักษณะการกระจายศูนย์ และโซนเวลาที่หลากหลายทำให้ตลาดฟอเร็กซ์ต้องเปิดดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ วันจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่เรียกว่า “ช่วงที่มีค่าสวอป” หรือช่วงโรลโอเวอร์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายสำหรับนักเทรด ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ โดยปกติจะอยู่ที่เวลาประมาณ 17:00 น. ตามเวลานิวยอร์ก (หรือ 22:00 GMT) สภาพคล่องมีแนวโน้มที่จะลดลง ค่าสเปรดกว้างขึ้น และการเคลื่อนไหวของราคามีความผันผวนสูงซึ่งส่งผลให้ราคาเกิดสลิปเพจ การทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของระยะเวลาที่มีค่าสวอปถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดที่ต้องการรับมือกับความท้าทาย และโอกาสที่เกิดขึ้น

ระยะเวลาที่มีค่าสวอปคืออะไร?

ช่วงเวลาที่มีค่าสวอปเกิดขึ้นเมื่อตลาดฟอเร็กซ์ย้ายจากวันซื้อขายหนึ่งไปยังอีกวันหนึ่ง ในช่วงเวลานี้ โบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยน (หรือค่าคอมมิชชั่นข้ามคืนสำหรับลูกค้าจากประเทศมุสลิม) สำหรับตำแหน่งที่ยังคงเปิดอยู่หลังจากเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของคู่สกุลเงินระหว่างสองสกุลเงิน นักเทรดอาจถูกเรียกเก็บเงิน หรือหักเงินจากการถือตำแหน่งข้ามคืน

สิ่งที่ทำให้ระยะเวลานี้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ คือ ผู้ให้บริการสภาพคล่องส่วนใหญ่ถอนตัวออกจากตลาดชั่วคราว หรือลดการดำเนินงานลงอย่างเห็นได้ชัดเจน สถาบันการเงินขนาดใหญ่ และธนาคารที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องมักจะจำกัดการดำเนินงานในช่วงเวลานี้ ส่งผลให้สภาพคล่องลดลง ส่งผลให้นักเทรดเผชิญกับความเสี่ยงหลายอย่าง รวมถึง มีค่าสลิปเพจ มีค่าสเปรดเพิ่มขึ้น และราคาเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และนี่ไม่ใช่ความผิดของโบรกเกอร์

ผลที่ตามมาของสภาพคล่องต่ำในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอป

1. ค่าสเปรดกว้างขึ้น

เนื่องจากผู้ให้บริการสภาพคล่องถอนตัวออกจากตลาดชั่วคราว โบรกเกอร์จึงมีทรัพยากรเพื่อทำให้ราคาสามารถแข่งขันได้น้อยลง ด้วยเหตุนี้ จึงขยายค่าสเปรดให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันด้านราคาที่น้อยลง

ตัวอย่าง: ในคู่สกุลเงินที่มีค่าสเปรดระหว่างช่วงการซื้อขายที่ใช้งานอยู่โดยทั่วไปคือ 1 pip ค่าสเปรดอาจเพิ่มขึ้นเป็น 10 pip หรือมากกว่านั้นในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอป ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมากสำหรับนักเทรดที่พยายามเปิด หรือปิดตำแหน่งในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้เลเวอเรจสูง

2. ราคาพุ่งสูงขึ้น

ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนอีกประการหนึ่ง คือ ความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นของการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง และผันผวน ด้วยคำสั่งซื้อที่น้อยลงในตลาด แม้แต่การซื้อขายเล็ก ๆ ก็สามารถทำให้การเคลื่อนไหวของราคาเกินขนาดได้ซึ่งส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้น หรือลดลง การเคลื่อนไหวดังกล่าวมักไม่มีพื้นฐานพื้นฐาน และอาจทำให้นักเทรดประหลาดใจซึ่งอาจทำให้เกิดจุดหยุดขาดทุน หรือจุดหยุดสำหรับผู้ที่มีตำแหน่งเปิดอยู่

ตัวอย่าง: คำสั่งซื้อขายในตลาดจำนวนมากที่ถูกวางไว้ในสภาพแวดล้อมที่มีสภาพคล่องต่ำอาจทำให้ราคาเคลื่อนไหวสูงมาก นี่ถือเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่ถือครองตำแหน่งขนาดใหญ่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนจำนวนมากในขณะนั้นได้

3. สภาพคล่องต่ำ

ในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอป จำนวนผู้ซื้อ และผู้ขายที่มีอยู่จะลดลงเนื่องจากผู้ให้บริการสภาพคล่องส่วนใหญ่ลดลง หรือผู้ซื้อ และผู้ขายหยุดทำกิจกรรม เมื่อมีผู้เข้าร่วมในตลาดน้อยลง การค้นหาคู่สกุลเงินที่ตรงกันเพื่อวางคำสั่งซื้อขายจะยากขึ้น สิ่งนี้จะสร้างช่องว่างในการกำหนดราคาซึ่งส่งผลให้สามารถทำการซื้อขายในราคาที่น่าพึงพอใจได้น้อยลง ด้วยเหตุนี้ คำสั่งซื้อขายของนักเทรดจึงมักได้รับการดำเนินการโดยมีสลิปเพจในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะคำสั่งซื้อขายในตลาดที่รับประกันการดำเนินการตามคำสั่ง แต่ไม่รับประกันการดำเนินการตามคำสั่งในราคาที่แน่นอน

ตัวอย่าง: นักเทรดส่งคำสั่งซื้อขายในตลาด EUR/USD ในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอปตามราคาที่คาดหวังไว้ที่ 1.1400 เนื่องจากสภาพคล่องต่ำ และความผันผวนของราคาอย่างรวดเร็ว คำสั่งซื้อขายอาจถูกดำเนินการที่ราคา 1.1410 หรือ 1.1420 ซึ่งส่งผลให้มีสลิปเพจอยู่ที่ 10 หรือ 20 pip ในเงื่อนไขการซื้อขายปกติด้วยค่าสเปรดที่แคบกว่า และมีสภาพคล่องมากขึ้นน่าจะไม่มีสลิปเพจ

ในเงื่อนไขการซื้อขายปกติด้วยสเปรดที่แคบกว่า และมีสภาพคล่องมากขึ้นน่าจะไม่มีสลิปเพจ แม้แต่สลิปเพจเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้กำไรหายไปได้ และเปลี่ยนการซื้อขายที่ชนะให้กลายเป็นการขาดทุน หรือเพิ่มการขาดทุนจากการซื้อขายเมื่อการเคลื่อนไหวสวนทางกับนักเทรด

สลิปเพจยังอาจทำให้คำสั่งหยุดขาดทุนดำเนินการในราคาที่แย่กว่าที่ตั้งใจไว้มาก ตัวอย่าง เช่น สมมติว่านักเทรดได้ตั้งค่าคำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อลดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุดในราคาที่กำหนด ในกรณีดังกล่าว สลิปเพจสามารถผลักดันราคาของการดำเนินการให้เกินกว่าระดับนั้นซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดทุนได้มากกว่าที่คาดไว้

นักเทรดที่มีเลเวอเรจมีความเสี่ยงต่อการเกิดสลิปเพจมากเป็นพิเศษในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอป แม้แต่สลิปเพจเล็กน้อยก็อาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียได้สูงมากในระดับเลเวอเรจที่สูงซึ่งทำให้เกิดความจำเป็นในการเรียกเก็บเงินประกัน หรือการชำระบัญชีในบัญชี

คุณจะทำการซื้อขายในช่วงที่มีค่าสวอปได้อย่างไร?

เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอป รวมถึง การเกิดสลิปเพจ การลดการสูญเสีย นักเทรดร์ควร:

1. หลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงที่มีค่าสวอป

วิธีที่ง่ายที่สุดในการหลีกเลี่ยงสลิปเพจ และความเสี่ยงอื่น ๆ คือการละเว้นจากการซื้อขายในช่วงเวลาที่มีค่าสวอป นักเทรดที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ต้องการหลีกเลี่ยงกรอบเวลานี้โดยการซื้อขายก่อน หรือหลังกรอบเวลาเพื่อใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องที่ดีขึ้น และค่าสเปรดที่แคบขึ้น

2. ใช้คำสั่งจำกัดแทนคำสั่งซื้อขายของตลาด

คำสั่งจำกัดช่วยทำให้นักเทรดสามารถกำหนดราคาเฉพาะเพื่อดำเนินการซื้อขายซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดสลิปเพจได้ แม้ว่าคำสั่งซื้อขายของตลาดจะได้รับการดำเนินการในราคาที่ดีที่สุดก็ตาม (ซึ่งอาจอยู่ไกลจากราคาที่คาดไว้ในช่วงระยะเวลา ที่มีค่าสวอป) แต่คำสั่งจำกัดจะช่วยควบคุมการดำเนินการ และสามารถป้องกันความผันผวนของราคาได้

3. ลดขนาดของตำแหน่ง

การลดขนาดตำแหน่งในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอป นักเทรดสามารถจำกัดความเสี่ยงต่อราคาที่พุ่งสูงขึ้น การเกิดสลิปเพจ และความผันผวนที่เพิ่มขึ้นได้ กลยุทธ์นี้ช่วยจัดการความเสี่ยงในขณะที่รักษาตำแหน่งที่เปิดไว้เมื่อจำเป็น

บทสรุป

การซื้อขายฟอเร็กซ์ในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอปทำให้เกิดความท้าทายที่ไม่ซ้ำกัน รวมถึง ปัญหาด้านสภาพคล่องต่ำ ค่าสเปรดที่กว้างขึ้น ราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และมีสลิปเพจสูงมาก แม้ว่านักเทรดบางรายอาจพบโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขเหล่านี้ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสลิปเพจสามารถทำให้ผลกำไรหายไป และเพิ่มการสูญเสียได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ที่มีเลเวอเรจสูง หรือระยะสั้น นอกจากนี้ โปรดจำไว้ว่าโบรกเกอร์จะไม่ชดเชยการสูญเสียในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอปให้กับ แม้ว่าคุณจะขาดทุนจากค่าสเปรดที่กว้างขึ้น หรือค่าสลิปเพจที่สูงก็ตาม ทำไมน่ะเหรอ? เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นสภาวะตลาด และเป็นราคาที่แท้จริงนี่จึงไม่ใช่ความผิดของโบรกเกอร์ ดังนั้น แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดระยะสั้นส่วนใหญ่ คือ การหลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงระยะเวลาที่มีค่าสวอป